วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557

ข้อปฏิบัติในการทำวิทยานิพนธ์



              การทำวิทยานิพนธ์จะต้องมีหลักยึดในการปฏิบัติหลายประการที่สำคัญ คือ จรรยาบรรณนักวิจัย เพื่อให้สามารถทำวิทยานิพนธ์ ได้สำเร็จอย่างมีคุณภาพสูง   นิสิต  นักศึกษาที่ทำวิทยานิพนธ์ควรยึดหลัก  ดังนี้ (บุญชม  ศรีสะอาด.  2546  : 11-15)

                   1.  จะต้องทำด้วยตนเองทุกขั้นตอน  ตั้งแต่การเลือกเรื่องหรือการหาชื่อเรื่อง  การเขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์  การสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูล  (กรณีที่ไม่ได้ยืมเครื่องมือของคนอื่น)  การเก็บรวบรวมข้อมูล  การวิเคราะห์ข้อมูลและแปลผล  และการเขียนรายงานการวิจัย  อย่างไรก็ตามขั้นตอนที่อาจขอความร่วมมือ  หรือความช่วยเหลือจากคนอื่นได้  คือ  การเก็บรวบรวมข้อมูล  ซึ่งผู้ทำวิทยานิพนธ์จะต้องชี้แจงวิธีดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียด   รวมทั้งข้อควรระวังต่าง ๆ  เพื่อให้การเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปอย่างได้มาตรฐาน  ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง  และอาจขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นในการวิเคราะห์ข้อมูลได้ แต่การวิเคราะห์ด้วยตนเองภายใต้การแนะนำของผู้รู้จะช่วยให้ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดี  ส่วนขั้นตอนอื่น ๆ  จะต้องดำเนินการด้วยตนเอง

                        นิสิต  นักศึกษาจะต้องไม่ให้คนอื่นทำให้หมด  หรือจ้างคนอื่นทำเพราะเป็นการหลอกตนเองโดยไม่เกิดการเรียนรู้  ขาดประสบการณ์  และทักษะในการทำวิจัย  ทำให้เสียชื่อเสียงของสถาบันที่ศึกษาและเป็นมหาบัณฑิตที่ขาดคุณภาพ  สิ่งที่ดี ๆ  ที่มุ่งหวังไว้คือการพัฒนาศักยภาพ  คุณลักษณะ  บุคลิกภาพจะไม่เกิดขึ้น  ซ้ำร้ายเกิดด้านลบอีกด้วย  ซึ่งจะต้องป้องกันโดยฝ่ายนิสิตนักศึกษาต้องทำด้วยตนเอง  อาจารย์ควบคุมหรือที่ปรึกษาต้องควบคุมดูแล  มหาวิทยาลัยหรือสถาบันต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้มีการจ้างเกิดขึ้น  ในการทำวิทยานิพนธ์มักพบปัญหาต่าง ๆ  มาก  เมื่อมีปัญหาข้อสงสัยที่ไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตนเอง  ไม่มั่นใจในการตัดสินใจ ทำการค้นคว้าจากเอกสารแล้วยังไม่กระจ่าง  ก็ต้องปรึกษาอาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์หรืออาจารย์ที่ปรึกษา

                   2.  ต้องถือว่านิสิต  นักศึกษาที่ทำวิทยานิพนธ์เป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ศึกษาค้นคว้าดีที่สุด  ผู้ทำวิทยานิพนธ์จะต้องสามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจในเรื่องที่ศึกษาค้นคว้า  สามารถตอบคำถามหรือข้อสงสัยได้อย่างกระจ่างชัด  คล่องแคล่ว  แสดงถึงการมีความรอบรู้  อย่างแท้จริง  ดังนั้นนิสิต  นักศึกษาจะต้องศึกษาค้นคว้าให้มาก  การทำด้วยตนเองทุกขั้นตอนที่ได้กล่าวมาแล้ว  เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง

                        การศึกษาค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้อง  ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดทฤษฎี  งานวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องที่จะทำวิทยานิพนธ์  จะต้องทำอย่างจริงจัง  ครบถ้วน  นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำวิทยานิพนธ์  ทั้งในด้านเนื้อหาสาระและเทคนิควิธีการ  ต้องมั่นใจว่าได้ศึกษาอย่างลุ่มลึก  (Review)  ในงานวิจัยที่เกี่ยวข้องครบทุกเรื่อง  หรือเกือบครบทุกเรื่องแล้ว  โดยได้ค้นคว้าจากแหล่งต่าง ๆ  ทุกแหล่ง  ไม่ว่าจะเป็นตำรา  วารสารที่ตรงเรื่อง  และโดยเฉพาะการค้นจากระบบอินเทอร์เน็ต

                   3.  จะต้องทุ่มเทความพยายามในการศึกษาค้นคว้าตามกระบวนการของการวิจัย ทำด้วยใจรัก  เพื่อมุ่งให้ได้ผลงานที่มีคุณค่า  ผลงานที่ภาคภูมิใจ  เป็นผลงานด้านวิชาการที่ดีที่สุด  (Masterpiece)  ชิ้นหนึ่งในชีวิตของนิสิต  นักศึกษา  วิทยานิพนธ์  ที่ทำจะมีการเผยแพร่ในรูปใดรูปหนึ่งหรือหลายรูปแบบ  โดยเฉพาะการเผยแพร่ในระบบอินเทอร์เน็ต(Internet) หรือฐานข้อมูลจะทำให้สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป  ถ้าทำไม่ดีพอก็จะเป็นหลักฐานแสดงความด้อยในความสามารถและถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น  ก็จะทำให้ผู้ที่ศึกษาค้นคว้าวิทยานิพนธ์เหล่านั้นเข้าใจผิดตามไปด้วย  นิสิต นักศึกษาจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการศึกษาค้นคว้าและมุ่งทำวิทยานิพนธ์ให้เป็นประโยชน์เป็นแบบอย่างแก่ผู้ศึกษาค้นคว้ารุ่นหลัง

                   4.  ยึดหลักกาลามสูตรซึ่งเป็นคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนชาวกาลามะ สรุปได้ว่า  อย่าเชื่อเรื่องใดทันทีที่ทราบ  ไม่ว่าเรื่องนั้นจะมาจากแหล่งใดใน  10  แหล่งได้แก่  มาจากการฟังตามกันมา  การเล่าลือ การอ้างอิงตำราหรือคัมภีร์  การใช้ตรรกะ  การอนุมานเอง  การคิดตามแนวเหตุผล  เป็นเรื่องที่เข้าได้กับทฤษฎีของตน  มองเห็นรูปลักษณ์น่าเชื่อถือเป็นคำพูดของอาจารย์  แต่จะเชื่อต่อเมื่อได้ไตร่ตรองพิจารณาด้วยปัญญาทุกแง่มุม  และจากหลักฐานต่าง ๆ  แล้ว

                   5.  ยึดจรรยาบรรณนักวิจัย  ซึ่งสภาวิจัยแห่งชาติได้กำหนดไว้  9  ประการ  คือ  (จรรยาบรรณนักวิจัยของสภาพวิจัยแห่งชาติ.   2541 :  41-25)  ต้องซื่อสัตย์  และมีคุณธรรมในการทางวิชาการและการจัดการ  ต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำงานวิจัยตามข้อตกลงที่ทำไว้กับหน่วยงาน  ที่สนับสนุนการวิจัย  และต่อหน่วยงานที่ตนสังกัด  ต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัย  ต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัยไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต  ต้องเคารพศักดิ์ศรี  และสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัย  ต้องมีอิสระทางความคิดโดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอนของการทำวิจัย  หรือนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่ชอบ  หรือเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น  และพึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ

                   6.  ทำการปกป้อง  (Defense)  เค้าโครงวิทยานิพนธ์  โดยนิสิต นักศึกษาต้องจัดทำเค้าโครงให้ดีที่สุด  ผ่านการศึกษาค้นคว้าทั้งด้านสาระความรู้  แนวคิด  ทฤษฎีและผลการวิจัยที่เกี่ยวข้อง  ดังนั้น  ถ้ามีผู้กล่าวโจมตีวิจารณ์หรือเสนอให้ใช้วิธีการอื่น  เครื่องมืออย่างอื่น  นิสิต  นักศึกษาจะต้องทำการอธิบายชี้แจงให้เข้าใจว่าที่ได้กำหนดไว้ในเค้าโครงวิทยานิพนธ์นั้นมีความถูกต้องเหมาะสมอย่างไร  ดีกว่าวิธีที่มีการเสนอใหม่เช่นไร  ไม่ใช่คล้อยตามผู้อื่นทั้ง ๆ ที่วิธีที่เขาเสนอมานั้นเป็นวิธีการที่ด้อยกว่า  มีปัญหาอุปสรรคในการวิจัย  แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาเห็นว่าวิธีที่เสนอมาใหม่  หรือเครื่องมือที่เสนอมาใหม่    ดีกว่าเหมาะสมกว่าก็ต้องยอมรับไม่ดันทุรัง และเมื่อยอมรับก็ต้องทำการเปลี่ยนแปลงเค้าโครงใหม่  แล้วก็ต้องปกป้องวิธีการใหม่นั้น  โดยถือว่าเป็นสิ่งที่ตนคัดสรรด้วยตัวเอง  เมื่อใครโจมตี  วิจารณ์หรือเสนอให้ใช้วิธีอื่นก็ต้องปกป้องโดยการอธิบายชี้แจงถึงความถูกต้อง  เหมาะสม  ไม่ใช่อ้างว่าทำตามที่อาจารย์ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญเสมือนว่าแท้จริงตนไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีใหม่นั้น  ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

                   7.  พัฒนาเจตคติต่อการทำวิทยานิพนธ์  นิสิต  นักศึกษาจะต้องพัฒนาเจตคติต่อการทำวิทยานิพนธ์โดยถือว่าการทำวิทยานิพนธ์เป็นประสบการณ์ที่ดียิ่งในการพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้  มีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม  แก้ไขปัญหา  ป้องกันปัญหา ปรับปรุงพัฒนางาน  และยังพัฒนาตนให้มีคุณลักษณะที่สำคัญและจำเป็น  เช่น  ความอดทน  ความซื่อสัตย์  ความมีระบบในการคิดและการทำงาน  ความคิดสร้างสรรค์  เป็นต้น

                   8.  การปรึกษาอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรืออาจารย์ที่ปรึกษาไม่ว่าจะเป็นการพบโดยตรงหรือใช้วิธีโทรศัพท์ติดต่อก็ตาม  จะต้องเตรียมการให้ดียึดหลักว่าพบน้อยที่สุดแต่ได้สาระมากที่สุด  ดังนั้นต้องเตรียมคำถามต่าง ๆ  คิดหาทางเลือกที่เป็นไปได้หลายทาง  เป็นการวางแผนหลายแผน  มีแผน  1  แผน  2  (ถ้าไม่เอาแผน  1)  แผน  3  (ถ้าไม่เอาแผน  1  และแผน  2)  เป็นต้น  เช่นแทนที่จะถามว่า  ผมควรทำอย่างใดดีก็ถามว่าผมสนใจศึกษาเกี่ยวกับ ….(ชื่อเรื่อง)  …. จะเหมาะสมหรือไม่  กรณีเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์ควรเตรียมโครงร่างย่อ ๆ ประกอบด้วย  ชื่อเรื่อง  เหตุผล  วัตถุประสงค์  วิธีดำเนินการ  รายชื่องานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ประมาณ  3-5  หน้า อาจเตรียมเรื่องสำรองไว้อีก  2  เรื่อง  ถ้าเรื่องแรกไม่ผ่านก็จะปรึกษาเรื่องต่อ ๆ  ไป  ต้องแสดงให้เห็นว่าได้คิดไตร่ตรองรอบคอบทุกมิติทุกประเด็น  มีความชัดเจนในสิ่งที่จะศึกษา  วิธีการศึกษาค้นคว้า  พิจารณาความเป็นไปได้ทุกแง่มุมโดยละเอียดแล้ว  และในคำถามที่ถามนั้นได้คิดคำตอบแล้ว  แต่ถามเพื่อความแน่ใจ  เป็นต้น
สนใจบทความ/ให้คำปรึกษาการทำวิทยานิพนธ์ **084-7991757

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น