การทำวิทยานิพนธ์จะต้องมีหลักยึดในการปฏิบัติหลายประการที่สำคัญ
คือ จรรยาบรรณนักวิจัย เพื่อให้สามารถทำวิทยานิพนธ์ ได้สำเร็จอย่างมีคุณภาพสูง นิสิต
นักศึกษาที่ทำวิทยานิพนธ์ควรยึดหลัก
ดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด. 2546 : 11-15)
1. จะต้องทำด้วยตนเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกเรื่องหรือการหาชื่อเรื่อง การเขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์ การสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูล (กรณีที่ไม่ได้ยืมเครื่องมือของคนอื่น) การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและแปลผล และการเขียนรายงานการวิจัย อย่างไรก็ตามขั้นตอนที่อาจขอความร่วมมือ หรือความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ คือ
การเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งผู้ทำวิทยานิพนธ์จะต้องชี้แจงวิธีดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียด รวมทั้งข้อควรระวังต่าง ๆ
เพื่อให้การเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปอย่างได้มาตรฐาน ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง และอาจขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นในการวิเคราะห์ข้อมูลได้
แต่การวิเคราะห์ด้วยตนเองภายใต้การแนะนำของผู้รู้จะช่วยให้ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดี ส่วนขั้นตอนอื่น ๆ จะต้องดำเนินการด้วยตนเอง
นิสิต นักศึกษาจะต้องไม่ให้คนอื่นทำให้หมด หรือจ้างคนอื่นทำเพราะเป็นการหลอกตนเองโดยไม่เกิดการเรียนรู้ ขาดประสบการณ์
และทักษะในการทำวิจัย
ทำให้เสียชื่อเสียงของสถาบันที่ศึกษาและเป็นมหาบัณฑิตที่ขาดคุณภาพ สิ่งที่ดี ๆ
ที่มุ่งหวังไว้คือการพัฒนาศักยภาพ
คุณลักษณะ
บุคลิกภาพจะไม่เกิดขึ้น
ซ้ำร้ายเกิดด้านลบอีกด้วย
ซึ่งจะต้องป้องกันโดยฝ่ายนิสิตนักศึกษาต้องทำด้วยตนเอง อาจารย์ควบคุมหรือที่ปรึกษาต้องควบคุมดูแล มหาวิทยาลัยหรือสถาบันต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้มีการจ้างเกิดขึ้น ในการทำวิทยานิพนธ์มักพบปัญหาต่าง ๆ มาก
เมื่อมีปัญหาข้อสงสัยที่ไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ไม่มั่นใจในการตัดสินใจ
ทำการค้นคว้าจากเอกสารแล้วยังไม่กระจ่าง
ก็ต้องปรึกษาอาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์หรืออาจารย์ที่ปรึกษา
2. ต้องถือว่านิสิต นักศึกษาที่ทำวิทยานิพนธ์เป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ศึกษาค้นคว้าดีที่สุด
ผู้ทำวิทยานิพนธ์จะต้องสามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจในเรื่องที่ศึกษาค้นคว้า สามารถตอบคำถามหรือข้อสงสัยได้อย่างกระจ่างชัด คล่องแคล่ว แสดงถึงการมีความรอบรู้ อย่างแท้จริง
ดังนั้นนิสิต
นักศึกษาจะต้องศึกษาค้นคว้าให้มาก
การทำด้วยตนเองทุกขั้นตอนที่ได้กล่าวมาแล้ว
เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง
การศึกษาค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดทฤษฎี
งานวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องที่จะทำวิทยานิพนธ์ จะต้องทำอย่างจริงจัง ครบถ้วน
นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำวิทยานิพนธ์ ทั้งในด้านเนื้อหาสาระและเทคนิควิธีการ ต้องมั่นใจว่าได้ศึกษาอย่างลุ่มลึก (Review) ในงานวิจัยที่เกี่ยวข้องครบทุกเรื่อง หรือเกือบครบทุกเรื่องแล้ว โดยได้ค้นคว้าจากแหล่งต่าง ๆ ทุกแหล่ง
ไม่ว่าจะเป็นตำรา วารสารที่ตรงเรื่อง และโดยเฉพาะการค้นจากระบบอินเทอร์เน็ต
3. จะต้องทุ่มเทความพยายามในการศึกษาค้นคว้าตามกระบวนการของการวิจัย
ทำด้วยใจรัก
เพื่อมุ่งให้ได้ผลงานที่มีคุณค่า
ผลงานที่ภาคภูมิใจ เป็นผลงานด้านวิชาการที่ดีที่สุด
(Masterpiece) ชิ้นหนึ่งในชีวิตของนิสิต นักศึกษา
วิทยานิพนธ์
ที่ทำจะมีการเผยแพร่ในรูปใดรูปหนึ่งหรือหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการเผยแพร่ในระบบอินเทอร์เน็ต(Internet) หรือฐานข้อมูลจะทำให้สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป
ถ้าทำไม่ดีพอก็จะเป็นหลักฐานแสดงความด้อยในความสามารถและถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น ก็จะทำให้ผู้ที่ศึกษาค้นคว้าวิทยานิพนธ์เหล่านั้นเข้าใจผิดตามไปด้วย นิสิต
นักศึกษาจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการศึกษาค้นคว้าและมุ่งทำวิทยานิพนธ์ให้เป็นประโยชน์เป็นแบบอย่างแก่ผู้ศึกษาค้นคว้ารุ่นหลัง
4. ยึดหลักกาลามสูตรซึ่งเป็นคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนชาวกาลามะ
สรุปได้ว่า
อย่าเชื่อเรื่องใดทันทีที่ทราบ
ไม่ว่าเรื่องนั้นจะมาจากแหล่งใดใน 10 แหล่งได้แก่ มาจากการฟังตามกันมา การเล่าลือ การอ้างอิงตำราหรือคัมภีร์ การใช้ตรรกะ
การอนุมานเอง การคิดตามแนวเหตุผล
เป็นเรื่องที่เข้าได้กับทฤษฎีของตน
มองเห็นรูปลักษณ์น่าเชื่อถือเป็นคำพูดของอาจารย์
แต่จะเชื่อต่อเมื่อได้ไตร่ตรองพิจารณาด้วยปัญญาทุกแง่มุม และจากหลักฐานต่าง ๆ แล้ว
5. ยึดจรรยาบรรณนักวิจัย ซึ่งสภาวิจัยแห่งชาติได้กำหนดไว้ 9
ประการ คือ (จรรยาบรรณนักวิจัยของสภาพวิจัยแห่งชาติ. 2541
: 41-25)
ต้องซื่อสัตย์
และมีคุณธรรมในการทางวิชาการและการจัดการ
ต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำงานวิจัยตามข้อตกลงที่ทำไว้กับหน่วยงาน ที่สนับสนุนการวิจัย และต่อหน่วยงานที่ตนสังกัด
ต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัย ต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัยไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ต้องเคารพศักดิ์ศรี
และสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัย ต้องมีอิสระทางความคิดโดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอนของการทำวิจัย หรือนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่ชอบ หรือเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น และพึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ
6. ทำการปกป้อง (Defense) เค้าโครงวิทยานิพนธ์ โดยนิสิต นักศึกษาต้องจัดทำเค้าโครงให้ดีที่สุด ผ่านการศึกษาค้นคว้าทั้งด้านสาระความรู้ แนวคิด
ทฤษฎีและผลการวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้น ถ้ามีผู้กล่าวโจมตีวิจารณ์หรือเสนอให้ใช้วิธีการอื่น เครื่องมืออย่างอื่น นิสิต นักศึกษาจะต้องทำการอธิบายชี้แจงให้เข้าใจว่าที่ได้กำหนดไว้ในเค้าโครงวิทยานิพนธ์นั้นมีความถูกต้องเหมาะสมอย่างไร ดีกว่าวิธีที่มีการเสนอใหม่เช่นไร ไม่ใช่คล้อยตามผู้อื่นทั้ง ๆ
ที่วิธีที่เขาเสนอมานั้นเป็นวิธีการที่ด้อยกว่า
มีปัญหาอุปสรรคในการวิจัย
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาเห็นว่าวิธีที่เสนอมาใหม่ หรือเครื่องมือที่เสนอมาใหม่ ดีกว่าเหมาะสมกว่าก็ต้องยอมรับไม่ดันทุรัง
และเมื่อยอมรับก็ต้องทำการเปลี่ยนแปลงเค้าโครงใหม่ แล้วก็ต้องปกป้องวิธีการใหม่นั้น โดยถือว่าเป็นสิ่งที่ตนคัดสรรด้วยตัวเอง เมื่อใครโจมตี
วิจารณ์หรือเสนอให้ใช้วิธีอื่นก็ต้องปกป้องโดยการอธิบายชี้แจงถึงความถูกต้อง เหมาะสม
ไม่ใช่อ้างว่าทำตามที่อาจารย์ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญเสมือนว่าแท้จริงตนไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีใหม่นั้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
7. พัฒนาเจตคติต่อการทำวิทยานิพนธ์ นิสิต
นักศึกษาจะต้องพัฒนาเจตคติต่อการทำวิทยานิพนธ์โดยถือว่าการทำวิทยานิพนธ์เป็นประสบการณ์ที่ดียิ่งในการพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้
มีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม แก้ไขปัญหา
ป้องกันปัญหา ปรับปรุงพัฒนางาน
และยังพัฒนาตนให้มีคุณลักษณะที่สำคัญและจำเป็น เช่น
ความอดทน ความซื่อสัตย์ ความมีระบบในการคิดและการทำงาน ความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น
8. การปรึกษาอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรืออาจารย์ที่ปรึกษาไม่ว่าจะเป็นการพบโดยตรงหรือใช้วิธีโทรศัพท์ติดต่อก็ตาม จะต้องเตรียมการให้ดียึดหลักว่าพบน้อยที่สุดแต่ได้สาระมากที่สุด ดังนั้นต้องเตรียมคำถามต่าง ๆ คิดหาทางเลือกที่เป็นไปได้หลายทาง เป็นการวางแผนหลายแผน มีแผน 1 แผน 2
(ถ้าไม่เอาแผน 1) แผน 3
(ถ้าไม่เอาแผน 1 และแผน 2)
เป็นต้น เช่นแทนที่จะถามว่า ผมควรทำอย่างใดดีก็ถามว่าผมสนใจศึกษาเกี่ยวกับ ….(ชื่อเรื่อง) …. จะเหมาะสมหรือไม่
กรณีเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์ควรเตรียมโครงร่างย่อ ๆ ประกอบด้วย ชื่อเรื่อง
เหตุผล วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการ
รายชื่องานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ประมาณ
3-5 หน้า
อาจเตรียมเรื่องสำรองไว้อีก 2 เรื่อง ถ้าเรื่องแรกไม่ผ่านก็จะปรึกษาเรื่องต่อ ๆ ไป
ต้องแสดงให้เห็นว่าได้คิดไตร่ตรองรอบคอบทุกมิติทุกประเด็น มีความชัดเจนในสิ่งที่จะศึกษา วิธีการศึกษาค้นคว้า
พิจารณาความเป็นไปได้ทุกแง่มุมโดยละเอียดแล้ว และในคำถามที่ถามนั้นได้คิดคำตอบแล้ว แต่ถามเพื่อความแน่ใจ เป็นต้น
สนใจบทความ/ให้คำปรึกษาการทำวิทยานิพนธ์ **084-7991757
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น