การวิจัยเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ และเป็นสิ่งจำเป็นที่ครูทุกคนควรให้ความสำคัญ
หากครูสามารถใช้การวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับสภาพความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคน
ย่อมเป็นแนวทางไปสู่ความสำเร็จของผู้เรียนในอนาคตและยังช่วยพัฒนาความรู้ ความสามารถของของครู
ตลอดจนความก้าวหน้าในวิชาชีพของการเป็นครูด้วย ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดในมาตรฐานที่ 23 ในระบบประกันคุณภาพการศึกษา ว่า ครูต้องมีความสามารถในการแสวงหาความรู้
คิดวิเคราะห์และสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ซึ่งมี 3 ตัวบ่งชี้คือ 1) ครูต้องมีนิสัยรักการแสวงหา
2) ครูต้องทำการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และ 3) ครูต้องรู้วิธีการวิเคราะห์และแก้ปัญหาในชั้นเรียนของตนเองได้ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2545 : 12)
การพัฒนาครูให้เป็นครูนักวิจัยถือเป็นบทบาทหนึ่งของครูยุคใหม่
ที่มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามหลักสูตรมุ่งหวัง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกับผู้เรียนกับกระบวนการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน
ครูต้องทำการค้นหาสาเหตุแห่งปัญหาที่แท้จริง แสวงหาแนวทาง หลักการ เทคนิควิธีการต่างๆ
สำหรับนำมาใช้แก้ปัญหา วางแผนแก้ปัญหา ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ติดตามตรวจสอบประเมินผลของการแก้ปัญหานั้นๆ
หากยังไม่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ครูต้องตรวจสอบกระบวนการแก้ปัญหาใหม่ ทำการปรับปรุงแก้ไขและนำไปทดลองใช้อีกครั้งหนึ่งหรือครั้งต่อไปจนกว่าจะพึงพอใจ
ทั้งครูและผู้เรียน ซึ่งการวิจัยลักษณะนี้เรียกว่า การวิจัยในชั้นเรียน (สำราญ กำจัดภัย. 2548 : 1)การวิจัยในชั้นเรียนซึ่งทำโดยครูผู้สอน
ถือว่าเป็นงานวิจัยที่เอื้อประโยชน์โดยตรงต่อการช่วยเหลือผู้เรียนในความรับผิดชอบของตนเอง
รวมทั้งมีประโยชน์ทางอ้อมในการใช้เพิ่มวิทยฐานะหรือใช้ประกอบการพิจารณาความดีความชอบต่างๆ
อีกด้วย แต่ทั้งนี้ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ ครูยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องระเบียบวิธีวิจัยเท่านั้น
(พิสณุ ฟองศรี. 2549 : 2) ส่วนใหญ่ไม่มีความรู้
ความเข้าใจในการทำวิจัยและคิดว่าการทำวิจัยเป็นเรื่องยาก โดยมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการทำวิจัยแบบแยกส่วน ทำให้เสียเวลาไปกับการทำวิจัย เวลาที่อุทิศให้การสอนลดน้อยลง
ทำให้การเรียนการสอนในชีวิตประจำวันได้รับผลกระทบ ทำการสอนไม่ได้เต็มที่ จนเป็นเรื่องปกติที่กล่าวว่าครูทำการวิจัยงานสอนจะหย่อนลง
การทำวิจัยในลักษณะนี้จึงไม่ค่อยเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาผู้เรียน แต่จะเกิดประโยชน์ต่อครูผู้ทำวิจัยที่ต้องการนำผลงานการวิจัยไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ
จากปัญหาที่กล่าวมานี้
ทำให้การวิจัยของครูไม่พัฒนาเท่าที่ควร ดังนั้นเพื่อไม่ให้ครูที่ทำวิจัยในชั้นเรียนเกิดความท้อแท้ควรใช้วิธีการสนับสนุนให้ครูทำวิจัยจนเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตการทำงานตามปกติ
ให้เกิดความยั่งยืนของกิจกรรมการวิจัย ทำให้งานวิจัยในชั้นเรียนน่าสนใจ เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยแก้ปัญหาในชั้นเรียน
มีหลักการและวิธีการที่เอื้อต่อการพัฒนาการเรียนการสอนของครู (สุวิมล ว่องวาณิช. 2550 : 3-10) การวิจัยในชั้นเรียนกับการพัฒนาครูตามที่กล่าวมาแล้วนั้น
สรุปได้ว่า การวิจัย ในชั้นเรียนเป็นการแก้ปัญหาการเรียนรู้ของผู้เรียนในชั้นเรียน
และเป็นหน้าที่ของครูผู้สอนที่ต้องแก้ปัญหาให้แก่ผู้เรียนทุกคน เมื่อครูนำการวิจัยมาใช้แก้ปัญหาย่อมส่งผลให้ปัญหาของผู้เรียนหมดไป
ผู้เรียนย่อมสามารถเรียนรู้ได้ตามที่มุ่งหวัง คุณภาพของผู้เรียนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่ครูผู้สอนยังทำการวิจัยในชั้นเรียนอย่างต่อเนื่อง
และปรับปรุงวิธีสอนของตนเองอยู่ตลอดเวลา การวิจัยในชั้นเรียนจึงทำให้ครูเกิดความชำนาญหรือเชี่ยวชาญในเรื่องที่สอนอย่างลึกซึ้ง
และสามารถสร้างองค์ความรู้จากการปฏิบัติด้วยตนเอง เป็นผู้รู้แนะนำแก่ครูผู้อื่นได้
(กฤษดา กรุดทอง. 2551 : 23)
----------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น