วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

การเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์(Advisor)

 
 
              อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง เพราะมีความเกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มต้นจนจบหลักสูตร อาจารย์ควบควบคุมวิทยานิพนธ์เป็นเสมือนไฟส่องทางหรือสื่อที่จะสามารถถ่ายทอดความคิด ความรู้และคำตอบของประเด็นปัญหาที่นักศึกษาได้ทำการวิจัยค้นคว้า  โดยทั่วไปแล้วการเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์แต่ละสถาบันมีหลักเกณฑ์ไม่เหมือนกัน แต่จะไม่แตกต่างกันมาก  การเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้กระบวนการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษามีความราบรื่นยิ่งขึ้น ทำให้ประสบความสำเร็จในการทำวิทยานิพนธ์ คุณลักษณะของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรืออาจารย์ที่ปรึกษา(Advisor) ที่เลือกต้องสอดคล้องกับเรื่องที่นักศึกษาสนใจ  นอกจากนี้ก่อนการเลือก ควรเข้าพบ ทาบทามอาจารย์มาเป็นที่ปรึกษา   ซึ่งบางครั้งอาจารย์อาจจะไม่รับเป็นที่ปรึกษาก็ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า อาจารย์ท่านนั้นไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่นักศึกษาทำหรืออาจารย์รับเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ครบแล้วและอาจารย์ไม่มีเวลาในการให้คำปรึกษา  การศึกษาลักษณะอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ก่อนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ลักษณะสำคัญที่สุดของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ คือ รู้ขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ มีเวลาให้นักศึกษา จริงใจต่อนักศึกษาและมีความรู้ความสามารถ รวมถึงด้านบุคลิกภาพ ล้วนแต่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งขององค์ประกอบที่จะทำให้วิทยานิพนธ์มีคุณภาพและประสบความสำเร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ได้
หลักเกณฑ์ในการเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์
               วิทยานิพนธ์จะประสบความสำเร็จได้นั้น บางครั้งต้องขึ้นอยู่กับอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ เป็นสำคัญถ้าได้อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่ดี  การทำวิทยานิพนธ์มีความสำเร็จไปแล้วเกือบครึ่ง ในทางกลับถ้าได้อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ไม่มีคุณภาพการจะทำวิทยานิพนธ์จะเสร็จสมบูรณ์มีคุณภาพนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นนักศึกษาจะเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ ควรพิจารณาหลักเกณฑ์ดังนี้
                   1.  รู้ขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ 
                        โดยทั่วไปแล้วแต่ละสถาบันจะมีรูปแบบและขั้นการทำวิทยานิพนธ์ไม่แตกต่างกันมากนัก  จะแตกต่างกันตรงรายละเอียดบางหัวข้อหรือบางประการเท่านั้น ดังนั้นการเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ตามคู่มือการเขียนวิทยานิพนธ์ของสถาบัน  ข้อบังคับ  ระเบียบและประกาศของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาแล้ว จะสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่นักศึกษา ได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าได้รับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ที่ถูกต้องแล้ว จะทำให้สามารถวางแผนล่วงหน้าก่อนลงมือทำจริงได้ชัดเจน  มีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนเมื่อใดจะเริ่มทำอันไหนก่อน-หลัง รวมทั้งสร้างนิสัยของนักศึกษา ให้ทำงานเป็นระบบมากขึ้น
                   2.  ความรู้ความสามารถของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ 
                        การเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความรู้ความสามารถจะทำให้การทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาประสบความสำเร็จง่ายยิ่งขึ้น ถือว่าปัจจัยสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งที่ขาดไม่ได้  ในทางกลับกันถ้าเลือกอาจารย์ที่ไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ทำ จะทำให้งานวิทยานิพนธ์ออกมามีคุณภาพน้อยและจะมีปัญหาในการดำเนินการทำวิทยานิพนธ์  การเขียนวิทยานิพนธ์ การสอบเค้าโครงและการสอบปากเปล่าด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งที่ต้องการให้มีคือต้องการอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความรู้ความสามารถ สามารถให้คำปรึกษา  คอยชี้แนะ ช่วยเหลือเวลาขึ้นสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์และสอบปากเปล่า ซึ่งบุญชม  ศรีสะอาด(2544 : 31) กล่าวว่า ลักษณะอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่นักศึกษาต้องการมากด้านความรู้ความสามารถคือ 
                        2.1  มีความรู้ในเรื่องที่นักศึกษาทำวิทยานิพนธ์
                        2.2  มีประสบการณ์ในการทำวิทยานิพนธ์
                        2.3  มีความรู้ความสามารถในด้านสถิติ  สามารถชี้แนะแนวทางการเลือกใช้สถิติได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามข้อตกลงเบื้องต้นของสถิติ ไม่ฝ่าฝืนข้อตกลงเบื้องต้นของสถิตินั้น  รวมทั้งสามารถให้คำปรึกษา  แนะนำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ด้วย
                        2.4  มีความรู้ในการวิจัยประเภทต่าง ๆ  เช่น  วิจัยเชิงปริมาณและวิจัยเชิงคุณภาพ 
                        2.5  รู้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลในการทำวิจัย 
                        2.6  ให้คำแนะนำเกี่ยวกับรูปแบบวิทยานิพนธ์  การเรียบเรียงภาษา  การเรียงลำดับหัวข้อ  การใช้ภาษาที่เป็นแนวเดียวกันและแหล่งศึกษาค้นคว้าข้อมูลได้
                        2.7  สามารถเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์เพื่อให้นักศึกษาเลือกได้
                        2.8  สามารถชี้ปัญหาในการทำวิจัยได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง
                        2.9  เป็นผู้มีตำแหน่งทางวิชาการ(ผศ.  รศ.)และเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ
 มีความรู้รอบตัว
                        2.10  สามารถให้คำแนะนำ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขปัญหาในการทำวิทยานิพนธ์
                    3.  เวลา 
                        การเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีเวลาให้คำปรึกษาเป็นสิ่งประเสริฐอย่างยิ่งและที่สำคัญ การตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบสูง  ไม่เลื่อนนัดมากจนเกินไป จนทำให้แผนการดำเนินการทำวิทยานิพนธ์ล้ม ดังนั้นเวลาของอาจารย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อถึงเวลานัดหมายแล้วอาจารย์ให้คำปรึกษามากน้อยเท่าใด และอาจารย์นัดหมายให้พบกี่ครั้ง การที่อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์มีเวลามากเท่าใดยิ่งดีสำหรับนักศึกษาที่ไม่มีความรู้พื้นฐานทางการวิจัยและไม่เคยทำงานวิจัยมาก่อน เพราะจะได้ขอคำปรึกษาทั้งกระบวนการ  ระเบียบวิธีวิจัยและการเลือกใช้สถิติ  เป็นต้น  สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ต้องได้รับคำปรึกษา ขอคำชี้แนะจากอาจารย์ที่ปรึกษา เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำวิทยานิพนธ์ให้ประสบความสำเร็จ แต่กระนั้นเมื่ออาจารย์มีเวลาให้เต็มที่ นักศึกษาควรฉกฉวยโอกาสให้ได้มากที่สุด  ไม่ควรจะปล่อยเวลาให้สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์  จะพบว่ามีกรณีตัวอย่าง เช่น  ส่วนมากคิดว่าค่อยไปเร่งช่วงสุดท้าย ซึ่งบางครั้งทำให้อาจารย์ไม่มีเวลาและจะส่งผลเสียต่อนักศึกษาโดยตรงและทางอ้อม เพราะคิดว่าอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์คงจะมีเวลาให้คำปรึกษาตลอดเวลา    ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่และที่สำคัญควรทำตารางนัดหมาย
                   4.  ความจริงใจ  
                        ควรเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความจริงใจ ทั้งนี้เพราะจะต้องทำงานร่วมกับอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ตลอดระยะเวลาที่ทำวิทยานิพนธ์ จึงควรเลือกอาจารย์ที่ให้ความสำคัญกับงานวิทยานิพนธ์อย่างจริงใจ ไม่ปิดปังและสามารถอุทิศเวลาให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่ไม่หน่วงเหนี่ยว กีดกันไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้นักศึกษาเสียเวลาและทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก  เช่น การตรวจงานวิทยานิพนธ์ไม่ควรจะล้าช้าเกินเวลาที่ควรจะเป็นหรือการลงนามเซ็นแบบฟอร์มต่าง ๆ
                   5.  บุคลิกภาพ 
                        ถือว่ามีความสำคัญยิ่งเช่นเดียวกัน บุคลิกภาพของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์เป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้นักศึกษามีกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงจูงใจในการทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งมีกรณีตัวอย่างหลายครั้งที่นักศึกษาทำวิทยานิพนธ์ไม่สำเร็จ เพราะบุคลิกภาพและนิสัยใจคอเข้ากันไม่ได้  ทำให้การทำงานเกิดความขัดแย้งส่งผลเกิดความเบื่อหน่ายในการทำวิทยานิพนธ์มากที่สุดและสิ่งที่เลวร้ายที่สุด คือเปลี่ยนอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ ส่งผลเสียทำให้เสียเวลา เสียเงินและกำลังงานต้องมานับหนึ่งใหม่อีกครั้ง จากการสำรวจโดยทั่วไปแล้วบุคลิกภาพอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่นักศึกษาต้องการ คือ มีความเสียสละ  มีความเป็นกันเองไม่ถือตัว  ใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษาและผู้อื่น  สื่อความหมายกับนักศึกษาได้ชัดเจน มีความรอบคอบ ไม่ดูถูกเหยียดหยาบความรู้ความสามารถของนักศึกษา  มีความยุติธรรมไม่ลำเอียงกับนักศึกษา คนใดคนหนึ่ง   ตัดสินใจได้รวดเร็วและถูกต้องตามหลักการ เหตุผลของกระบวนการทำวิทยานิพนธ์  แยกแยะเรื่องส่วนตัวและเรื่องการทำงานให้ชัดเจน  ดังนั้นควรเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีบุคลิกภาพดี
                   6.  ความสนใจในหัวข้อวิทยานิพนธ์ 
                        การที่อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์มีความสนใจหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่นักศึกษาศึกษา ก็จะทำให้งานวิจัยมีความสำเร็จและมีคุณภาพมากขึ้น ทั้งนี้เพราะอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์มีความอยากรู้อยากเห็นผลการวิจัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจารย์จะมีเอาใจใส่ดูงานให้และให้ความช่วยเหลือมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วิทยานิพนธ์ประสบผลสำเร็จได้  ดังนั้น ควรเลือกหัวข้อที่น่าสนใจไม่ซ้ำงานที่เคยทำมาแล้วหรือเลือกหัวข้อที่มีความใกล้เคียงกับความเชี่ยวชาญของอาจารย์ด้วย
                   7.  ลักษณะการทำงาน 
                        ต้องเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความพร้อมที่เต็มใจเป็นที่ปรึกษาให้จริง ๆ มีลักษณะการทำงานที่จะอุทิศเวลาให้วิทยานิพนธ์ที่ตนรับผิดชอบ ตรงต่อเวลาที่นัดหมายซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้สามารถวางแผนการทำงานล่วงหน้าก่อนลงมือทำจริงได้ชัดเจน นอกจากนี้อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ต้องมีความสามารถในการชี้แจงเรื่องที่นักศึกษาสงสัย  เกิดข้อข้องใจและมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมงานกับนักศึกษาอย่างเต็มใจ และสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีลักษณะการทำงานได้มาตรฐานต่ำ กล่าวคือ  ประเมินงานวิทยานิพนธ์ง่ายหรือไม่ตรวจรายละเอียดงานเลยแต่ให้ผ่าน  ซึ่งบางคนอาจจะพอใจ วิทยานิพนธ์สำเร็จตามที่กำหนดไว้แต่บางครั้งอาจจะไม่ประสบความสำเร็จตามมุ่งหวังไว้ เพราะอาจจะมีปัญหาในการขั้นตอนการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์ จะทำให้นักศึกษาไม่สามารถตอบคำถามของกรรมการหรือสอบไม่ผ่านได้  ที่สำคัญงานวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาด้อยคุณภาพ
                   8.  ทัศนะต่อการทำวิทยานิพนธ์
                        ทัศนคติต่อการทำวิทยานิพนธ์ก็มีผลต่อการทำวิทยานิพนธ์ เช่นเดียวกัน ถ้านักศึกษา และอาจารย์มีทัศนคติทางบวกว่า การทำวิทยานิพนธ์จะช่วยพัฒนาความรู้ความสามารถของนักศึกษา ทั้งการทำวิจัย ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ  จะช่วยให้การทำวิทยานิพนธ์มีความสำเร็จมากขึ้น เพราะได้แรงเสริมทางบวก เมื่อเจออุปสรรคในขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ ไม่ว่าจะเป็น  การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและการสอบปากเปล่า อุปสรรคเหล่านี้จะผ่านไปและแก้ปัญหาได้เพราะทัศนคติทางบวกต่อวิทยานิพนธ์นั้นเอง  ในทางตรงข้ามถ้าเกิดอาจารย์หรือนักศึกษามีทัศนคติที่ไม่ดีแล้ว  ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้จะเข้ามาแทนที่ทำให้เกิดความล้าช้าในทำวิทยานิพนธ์ตามเวลาที่กำหนดที่ไว้  จะเห็นได้จากตัวอย่างในปัจจุบัน ที่นักศึกษาไม่จบการศึกษาตามเวลากำหนด หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนเรียนสาขาใหม่  ซึ่งเหล่านี้เกิดจากทัศนคติที่ไม่ดีต่อวิทยานิพนธ์
                        เมื่อนักศึกษาได้เลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรือทราบว่าได้อาจารย์ท่านใดท่านหนึ่งเป็นที่ปรึกษาแล้ว  นักศึกษาก็ควรติดต่อ ขอคำปรึกษา อย่างเร่งด่วน ทั้งนี้เพื่ออาจารย์และนักศึกษาจะมีพูดคุย ซักถาม ซึ่งอาจมีความคิดเห็นแตกต่างกัน  คนละแนวทางกันได้เสมอ    อย่างไรก็ตามพึงระมัดระวังอย่าให้ความคิดเห็นไม่สอดคล้องกันกลายเป็นความขัดแย้งส่วนตัว  เมื่อใดก็ตามที่ นักศึกษารู้สึกว่าความคิดเห็น / ข้อเสนอแนะของตนไม่ได้รับความสนใจจากอาจารย์ที่ปรึกษา  ควรพยายามเข้าพบเพื่อหารือเรื่องนี้อย่างจริงจังกับอาจารย์ที่ปรึกษาทันที  พึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อเริ่มมีปัญหากับอาจารย์ที่ปรึกษา  ต้องคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาโดยเร็ว    อย่าปล่อยให้ความคิดเห็นหรือทัศนะที่ไม่สอดคล้องกันพัฒนาไปเป็นความขัดแย้งหรือเป็นปรปักษ์กัน  อย่างไรก็ตามถึงแม้นักศึกษาจะเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้านักศึกษาไม่มีความรับผิดชอบในการทำวิทยานิพนธ์  สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเดิม ดังนั้นต้องเริ่มจากนักศึกษาเป็นสำคัญ เพราะเป็นผู้ทำวิทยานิพนธ์นั้นเอง
 
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์
              โดยทั่วไปการควบคุมวิทยานิพนธ์ให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานตามสถาบันของแต่ละแห่งกำหนด   ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์และผู้ที่เกี่ยวข้องรองลงมาคือคณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกลั่นกรอง ควบคุม ดูแลวิทยานิพนธ์ให้มีคุณภาพแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ คณะกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์และคณะกรรมการสอบปากเปล่า  มีรายละเอียด ดังนี้
                   1.  คณะกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์
                        คณะกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์  โดยทั่วไปให้มีจำนวนไม่น้อยกว่า  2  คนและสำหรับนักศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต มีจำนวนไม่น้อยกว่า  3  คน ประกอบด้วยอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรืออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และกรรมการจากภายนอก
                   2.  คณะกรรมการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์
                        กรรมการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์โดยทั่วไปประกอบ 3-5   คน คือ อาจารย์ผู้ควบคุมหรืออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และกรรมการจากภายนอก  กรรมการจากภายนอกอาจมีจำนวนเท่ากันกับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือมากกว่า ซึ่งมหาวิทยาลัยบางแห่งตั้งกรรมการสอบปากเปล่าจากภายนอกทั้งหมด  ไม่มีอาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์  หรืออาจารย์ที่ปรึกษาร่วมเป็นกรรมการสอบ  กรรมการภายนอก  จะมีทั้งผู้ที่เป็นกรรมการที่เคยสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์และที่ไม่ได้เป็นกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์   ข้อดีของการแต่งตั้งอาจารย์ภายนอกที่มาจากกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์ก็คือ  ได้ทราบถึงเงื่อนไข  ข้อตกลงต่าง   ที่ได้พิจารณา  เมื่อครั้งสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์  มีความเข้าใจในเรื่องต่าง   ส่วนกรรมการจากภายนอกที่ไม่ใช่กรรมการสอบเค้าโครงมีข้อดีคือ  จะมีมุมมองที่อาจสะท้อนให้เห็นข้อความจริงบางประการ  ซึ่งถ้าหากนำมาพิจารณาจะทำให้วิทยานิพนธ์นั้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้น  กรรมการจากภายนอกต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่นักศึกษาทำวิทยานิพนธ์  โดยอาจจะอยู่คนละสถาบันหรืออยู่ในหน่วยงานอื่น  
 
คุณสมบัติกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์
 
              กรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของทบวงมหาวิทยาลัย ดังนี้(ทบวงมหาวิทยาลัย,  2548 : 12)
                   1. คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท
                        1.1  อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์  ต้องเป็นอาจารย์ประจำได้รับปริญญาเอกหรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้น  หรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน  และต้องมีประสบการณ์ในการทำวิจัยที่มิใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษา
                        1.2  ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกสถาบัน  ต้องได้รับปริญญาเอกหรือดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้น  หรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน  หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง  ในกรณีที่ไม่ได้สังกัดสถาบันอุดมศึกษา
                   2.  คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก
                            2.1  อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์  ต้องเป็นอาจารย์ประจำที่ได้รับปริญญาเอก  หรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่ารองศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้นหรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กันและต้องมีประสบการณ์ในการทำวิจัยที่มิใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษา
                        2.2  ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกสถาบัน  ต้องได้รับปริญญาเอกหรือดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่ารองศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้น  หรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องในกรณีที่ไม่ได้สังกัดสถาบันอุดมศึกษา
 หน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์
              1.  ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาในการเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาโดยให้อยู่ในขอบข่ายของสาขาวิชา และไม่ซ้ำซ้อนกับผู้อื่น
              2.  ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษานักศึกษาในการทำเค้าโครงวิทยานิพนธ์
              3.  ทำหน้าที่เป็นกรรมการพิจารณาเค้าโครงวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา
              4.  ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษานักศึกษาในการดำเนินการทำวิทยานิพนธ์ ทั้งในด้านเนื้อหาทางทฤษฎี ระเบียบวิธีวิจัย ตลอดจนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะดำเนินการศึกษาวิจัย
              5.  ให้คำแนะนำปรึกษานักศึกษาเกี่ยวกับการเขียนวิทยานิพนธ์และตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาและรูปแบบตามคู่มือการทำวิทยานิพนธ์
              6.  ประเมินผลการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาจนกว่าจะทำวิทยานิพนธ์แล้วเสร็จ
              7.  พิจารณาให้ความเห็นชอบในการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์และเป็นกรรมการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา
 
------------------------------------------------------------------------
ให้คำปรึกษาการทำวิจัย thesis  is  การทำแบบสอบถาม ความพึงพอใจ การให้บริการ องค์กร ร้านค้า ธุรกิจ  084-7991757

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น