อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง
เพราะมีความเกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มต้นจนจบหลักสูตร อาจารย์ควบควบคุมวิทยานิพนธ์เป็นเสมือนไฟส่องทางหรือสื่อที่จะสามารถถ่ายทอดความคิด
ความรู้และคำตอบของประเด็นปัญหาที่นักศึกษาได้ทำการวิจัยค้นคว้า โดยทั่วไปแล้วการเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์แต่ละสถาบันมีหลักเกณฑ์ไม่เหมือนกัน
แต่จะไม่แตกต่างกันมาก
การเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้กระบวนการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษามีความราบรื่นยิ่งขึ้น
ทำให้ประสบความสำเร็จในการทำวิทยานิพนธ์
คุณลักษณะของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรืออาจารย์ที่ปรึกษา(Advisor) ที่เลือกต้องสอดคล้องกับเรื่องที่นักศึกษาสนใจ นอกจากนี้ก่อนการเลือก ควรเข้าพบ
ทาบทามอาจารย์มาเป็นที่ปรึกษา
ซึ่งบางครั้งอาจารย์อาจจะไม่รับเป็นที่ปรึกษาก็ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า
อาจารย์ท่านนั้นไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่นักศึกษาทำหรืออาจารย์รับเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ครบแล้วและอาจารย์ไม่มีเวลาในการให้คำปรึกษา การศึกษาลักษณะอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ก่อนจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ลักษณะสำคัญที่สุดของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ คือ รู้ขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ มีเวลาให้นักศึกษา
จริงใจต่อนักศึกษาและมีความรู้ความสามารถ รวมถึงด้านบุคลิกภาพ
ล้วนแต่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งขององค์ประกอบที่จะทำให้วิทยานิพนธ์มีคุณภาพและประสบความสำเร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ได้
หลักเกณฑ์ในการเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์
1. รู้ขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์
โดยทั่วไปแล้วแต่ละสถาบันจะมีรูปแบบและขั้นการทำวิทยานิพนธ์ไม่แตกต่างกันมากนัก จะแตกต่างกันตรงรายละเอียดบางหัวข้อหรือบางประการเท่านั้น
ดังนั้นการเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ตามคู่มือการเขียนวิทยานิพนธ์ของสถาบัน ข้อบังคับ ระเบียบและประกาศของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาแล้ว
จะสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่นักศึกษา ได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ
ถ้าได้รับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ที่ถูกต้องแล้ว
จะทำให้สามารถวางแผนล่วงหน้าก่อนลงมือทำจริงได้ชัดเจน
มีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนเมื่อใดจะเริ่มทำอันไหนก่อน-หลัง รวมทั้งสร้างนิสัยของนักศึกษา
ให้ทำงานเป็นระบบมากขึ้น
2. ความรู้ความสามารถของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์
การเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความรู้ความสามารถจะทำให้การทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาประสบความสำเร็จง่ายยิ่งขึ้น
ถือว่าปัจจัยสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งที่ขาดไม่ได้
ในทางกลับกันถ้าเลือกอาจารย์ที่ไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ทำ
จะทำให้งานวิทยานิพนธ์ออกมามีคุณภาพน้อยและจะมีปัญหาในการดำเนินการทำวิทยานิพนธ์ การเขียนวิทยานิพนธ์ การสอบเค้าโครงและการสอบปากเปล่าด้วย
สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น
สิ่งที่ต้องการให้มีคือต้องการอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความรู้ความสามารถ
สามารถให้คำปรึกษา คอยชี้แนะ
ช่วยเหลือเวลาขึ้นสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์และสอบปากเปล่า ซึ่งบุญชม ศรีสะอาด(2544 : 31) กล่าวว่า ลักษณะอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่นักศึกษาต้องการมากด้านความรู้ความสามารถคือ
2.1 มีความรู้ในเรื่องที่นักศึกษาทำวิทยานิพนธ์ 2.2 มีประสบการณ์ในการทำวิทยานิพนธ์
2.3 มีความรู้ความสามารถในด้านสถิติ สามารถชี้แนะแนวทางการเลือกใช้สถิติได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามข้อตกลงเบื้องต้นของสถิติ ไม่ฝ่าฝืนข้อตกลงเบื้องต้นของสถิตินั้น รวมทั้งสามารถให้คำปรึกษา แนะนำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ด้วย
2.4 มีความรู้ในการวิจัยประเภทต่าง ๆ เช่น วิจัยเชิงปริมาณและวิจัยเชิงคุณภาพ
2.5 รู้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลในการทำวิจัย
2.6 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับรูปแบบวิทยานิพนธ์ การเรียบเรียงภาษา การเรียงลำดับหัวข้อ การใช้ภาษาที่เป็นแนวเดียวกันและแหล่งศึกษาค้นคว้าข้อมูลได้
2.7 สามารถเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์เพื่อให้นักศึกษาเลือกได้
2.8 สามารถชี้ปัญหาในการทำวิจัยได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง
2.9 เป็นผู้มีตำแหน่งทางวิชาการ(ผศ. รศ.)และเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ
มีความรู้รอบตัว
2.10 สามารถให้คำแนะนำ
เพื่อหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขปัญหาในการทำวิทยานิพนธ์การเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีเวลาให้คำปรึกษาเป็นสิ่งประเสริฐอย่างยิ่งและที่สำคัญ การตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบสูง ไม่เลื่อนนัดมากจนเกินไป จนทำให้แผนการดำเนินการทำวิทยานิพนธ์ล้ม ดังนั้นเวลาของอาจารย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อถึงเวลานัดหมายแล้วอาจารย์ให้คำปรึกษามากน้อยเท่าใด และอาจารย์นัดหมายให้พบกี่ครั้ง การที่อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์มีเวลามากเท่าใดยิ่งดีสำหรับนักศึกษาที่ไม่มีความรู้พื้นฐานทางการวิจัยและไม่เคยทำงานวิจัยมาก่อน เพราะจะได้ขอคำปรึกษาทั้งกระบวนการ ระเบียบวิธีวิจัยและการเลือกใช้สถิติ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ต้องได้รับคำปรึกษา ขอคำชี้แนะจากอาจารย์ที่ปรึกษา เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำวิทยานิพนธ์ให้ประสบความสำเร็จ แต่กระนั้นเมื่ออาจารย์มีเวลาให้เต็มที่ นักศึกษาควรฉกฉวยโอกาสให้ได้มากที่สุด ไม่ควรจะปล่อยเวลาให้สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ จะพบว่ามีกรณีตัวอย่าง เช่น ส่วนมากคิดว่าค่อยไปเร่งช่วงสุดท้าย ซึ่งบางครั้งทำให้อาจารย์ไม่มีเวลาและจะส่งผลเสียต่อนักศึกษาโดยตรงและทางอ้อม เพราะคิดว่าอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์คงจะมีเวลาให้คำปรึกษาตลอดเวลา ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่และที่สำคัญควรทำตารางนัดหมาย
4. ความจริงใจ
ควรเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความจริงใจ ทั้งนี้เพราะจะต้องทำงานร่วมกับอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ตลอดระยะเวลาที่ทำวิทยานิพนธ์ จึงควรเลือกอาจารย์ที่ให้ความสำคัญกับงานวิทยานิพนธ์อย่างจริงใจ ไม่ปิดปังและสามารถอุทิศเวลาให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่ไม่หน่วงเหนี่ยว กีดกันไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้นักศึกษาเสียเวลาและทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เช่น การตรวจงานวิทยานิพนธ์ไม่ควรจะล้าช้าเกินเวลาที่ควรจะเป็นหรือการลงนามเซ็นแบบฟอร์มต่าง ๆ
5. บุคลิกภาพ
ถือว่ามีความสำคัญยิ่งเช่นเดียวกัน บุคลิกภาพของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์เป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้นักศึกษามีกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงจูงใจในการทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งมีกรณีตัวอย่างหลายครั้งที่นักศึกษาทำวิทยานิพนธ์ไม่สำเร็จ เพราะบุคลิกภาพและนิสัยใจคอเข้ากันไม่ได้ ทำให้การทำงานเกิดความขัดแย้งส่งผลเกิดความเบื่อหน่ายในการทำวิทยานิพนธ์มากที่สุดและสิ่งที่เลวร้ายที่สุด คือเปลี่ยนอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ ส่งผลเสียทำให้เสียเวลา เสียเงินและกำลังงานต้องมานับหนึ่งใหม่อีกครั้ง จากการสำรวจโดยทั่วไปแล้วบุคลิกภาพอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่นักศึกษาต้องการ คือ มีความเสียสละ มีความเป็นกันเองไม่ถือตัว ใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษาและผู้อื่น สื่อความหมายกับนักศึกษาได้ชัดเจน มีความรอบคอบ ไม่ดูถูกเหยียดหยาบความรู้ความสามารถของนักศึกษา มีความยุติธรรมไม่ลำเอียงกับนักศึกษา คนใดคนหนึ่ง ตัดสินใจได้รวดเร็วและถูกต้องตามหลักการ เหตุผลของกระบวนการทำวิทยานิพนธ์ แยกแยะเรื่องส่วนตัวและเรื่องการทำงานให้ชัดเจน ดังนั้นควรเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีบุคลิกภาพดี
6. ความสนใจในหัวข้อวิทยานิพนธ์
การที่อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์มีความสนใจหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่นักศึกษาศึกษา ก็จะทำให้งานวิจัยมีความสำเร็จและมีคุณภาพมากขึ้น ทั้งนี้เพราะอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์มีความอยากรู้อยากเห็นผลการวิจัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจารย์จะมีเอาใจใส่ดูงานให้และให้ความช่วยเหลือมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วิทยานิพนธ์ประสบผลสำเร็จได้ ดังนั้น ควรเลือกหัวข้อที่น่าสนใจไม่ซ้ำงานที่เคยทำมาแล้วหรือเลือกหัวข้อที่มีความใกล้เคียงกับความเชี่ยวชาญของอาจารย์ด้วย
7. ลักษณะการทำงาน
ต้องเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความพร้อมที่เต็มใจเป็นที่ปรึกษาให้จริง ๆ มีลักษณะการทำงานที่จะอุทิศเวลาให้วิทยานิพนธ์ที่ตนรับผิดชอบ ตรงต่อเวลาที่นัดหมายซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้สามารถวางแผนการทำงานล่วงหน้าก่อนลงมือทำจริงได้ชัดเจน นอกจากนี้อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ต้องมีความสามารถในการชี้แจงเรื่องที่นักศึกษาสงสัย เกิดข้อข้องใจและมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมงานกับนักศึกษาอย่างเต็มใจ และสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีลักษณะการทำงานได้มาตรฐานต่ำ กล่าวคือ ประเมินงานวิทยานิพนธ์ง่ายหรือไม่ตรวจรายละเอียดงานเลยแต่ให้ผ่าน ซึ่งบางคนอาจจะพอใจ วิทยานิพนธ์สำเร็จตามที่กำหนดไว้แต่บางครั้งอาจจะไม่ประสบความสำเร็จตามมุ่งหวังไว้ เพราะอาจจะมีปัญหาในการขั้นตอนการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์ จะทำให้นักศึกษาไม่สามารถตอบคำถามของกรรมการหรือสอบไม่ผ่านได้ ที่สำคัญงานวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาด้อยคุณภาพ
8. ทัศนะต่อการทำวิทยานิพนธ์
ทัศนคติต่อการทำวิทยานิพนธ์ก็มีผลต่อการทำวิทยานิพนธ์ เช่นเดียวกัน ถ้านักศึกษา และอาจารย์มีทัศนคติทางบวกว่า การทำวิทยานิพนธ์จะช่วยพัฒนาความรู้ความสามารถของนักศึกษา ทั้งการทำวิจัย ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ จะช่วยให้การทำวิทยานิพนธ์มีความสำเร็จมากขึ้น เพราะได้แรงเสริมทางบวก เมื่อเจออุปสรรคในขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ ไม่ว่าจะเป็น การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและการสอบปากเปล่า อุปสรรคเหล่านี้จะผ่านไปและแก้ปัญหาได้เพราะทัศนคติทางบวกต่อวิทยานิพนธ์นั้นเอง ในทางตรงข้ามถ้าเกิดอาจารย์หรือนักศึกษามีทัศนคติที่ไม่ดีแล้ว ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้จะเข้ามาแทนที่ทำให้เกิดความล้าช้าในทำวิทยานิพนธ์ตามเวลาที่กำหนดที่ไว้ จะเห็นได้จากตัวอย่างในปัจจุบัน ที่นักศึกษาไม่จบการศึกษาตามเวลากำหนด หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนเรียนสาขาใหม่ ซึ่งเหล่านี้เกิดจากทัศนคติที่ไม่ดีต่อวิทยานิพนธ์
เมื่อนักศึกษาได้เลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรือทราบว่าได้อาจารย์ท่านใดท่านหนึ่งเป็นที่ปรึกษาแล้ว นักศึกษาก็ควรติดต่อ ขอคำปรึกษา อย่างเร่งด่วน ทั้งนี้เพื่ออาจารย์และนักศึกษาจะมีพูดคุย ซักถาม ซึ่งอาจมีความคิดเห็นแตกต่างกัน คนละแนวทางกันได้เสมอ อย่างไรก็ตามพึงระมัดระวังอย่าให้ความคิดเห็นไม่สอดคล้องกันกลายเป็นความขัดแย้งส่วนตัว เมื่อใดก็ตามที่ นักศึกษารู้สึกว่าความคิดเห็น / ข้อเสนอแนะของตนไม่ได้รับความสนใจจากอาจารย์ที่ปรึกษา ควรพยายามเข้าพบเพื่อหารือเรื่องนี้อย่างจริงจังกับอาจารย์ที่ปรึกษาทันที พึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อเริ่มมีปัญหากับอาจารย์ที่ปรึกษา ต้องคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาโดยเร็ว อย่าปล่อยให้ความคิดเห็นหรือทัศนะที่ไม่สอดคล้องกันพัฒนาไปเป็นความขัดแย้งหรือเป็นปรปักษ์กัน อย่างไรก็ตามถึงแม้นักศึกษาจะเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้านักศึกษาไม่มีความรับผิดชอบในการทำวิทยานิพนธ์ สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเดิม ดังนั้นต้องเริ่มจากนักศึกษาเป็นสำคัญ เพราะเป็นผู้ทำวิทยานิพนธ์นั้นเอง
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์
คณะกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์ โดยทั่วไปให้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 2 คนและสำหรับนักศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต มีจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน ประกอบด้วยอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรืออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และกรรมการจากภายนอก
2. คณะกรรมการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์
กรรมการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์โดยทั่วไปประกอบ 3-5 คน คือ อาจารย์ผู้ควบคุมหรืออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และกรรมการจากภายนอก กรรมการจากภายนอกอาจมีจำนวนเท่ากันกับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือมากกว่า ซึ่งมหาวิทยาลัยบางแห่งตั้งกรรมการสอบปากเปล่าจากภายนอกทั้งหมด ไม่มีอาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ หรืออาจารย์ที่ปรึกษาร่วมเป็นกรรมการสอบ กรรมการภายนอก จะมีทั้งผู้ที่เป็นกรรมการที่เคยสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์และที่ไม่ได้เป็นกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์ ข้อดีของการแต่งตั้งอาจารย์ภายนอกที่มาจากกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์ก็คือ ได้ทราบถึงเงื่อนไข ข้อตกลงต่าง ๆ ที่ได้พิจารณา เมื่อครั้งสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์ มีความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ส่วนกรรมการจากภายนอกที่ไม่ใช่กรรมการสอบเค้าโครงมีข้อดีคือ จะมีมุมมองที่อาจสะท้อนให้เห็นข้อความจริงบางประการ ซึ่งถ้าหากนำมาพิจารณาจะทำให้วิทยานิพนธ์นั้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้น กรรมการจากภายนอกต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่นักศึกษาทำวิทยานิพนธ์ โดยอาจจะอยู่คนละสถาบันหรืออยู่ในหน่วยงานอื่น ๆ
คุณสมบัติกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์
กรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของทบวงมหาวิทยาลัย ดังนี้(ทบวงมหาวิทยาลัย, 2548 : 12)
1. คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท1.1 อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ต้องเป็นอาจารย์ประจำได้รับปริญญาเอกหรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้น หรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน และต้องมีประสบการณ์ในการทำวิจัยที่มิใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษา
1.2 ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกสถาบัน ต้องได้รับปริญญาเอกหรือดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้น หรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง ในกรณีที่ไม่ได้สังกัดสถาบันอุดมศึกษา
2. คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก
2.1 อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ต้องเป็นอาจารย์ประจำที่ได้รับปริญญาเอก หรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่ารองศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้นหรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กันและต้องมีประสบการณ์ในการทำวิจัยที่มิใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษา
2.2 ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกสถาบัน ต้องได้รับปริญญาเอกหรือดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่ารองศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้น หรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องในกรณีที่ไม่ได้สังกัดสถาบันอุดมศึกษา
2. ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษานักศึกษาในการทำเค้าโครงวิทยานิพนธ์
3. ทำหน้าที่เป็นกรรมการพิจารณาเค้าโครงวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา
4. ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษานักศึกษาในการดำเนินการทำวิทยานิพนธ์ ทั้งในด้านเนื้อหาทางทฤษฎี ระเบียบวิธีวิจัย ตลอดจนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะดำเนินการศึกษาวิจัย
5. ให้คำแนะนำปรึกษานักศึกษาเกี่ยวกับการเขียนวิทยานิพนธ์และตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาและรูปแบบตามคู่มือการทำวิทยานิพนธ์
6. ประเมินผลการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาจนกว่าจะทำวิทยานิพนธ์แล้วเสร็จ
7. พิจารณาให้ความเห็นชอบในการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์และเป็นกรรมการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น